จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก วนัสพร เขียวคำ โพสต์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่กลุ่มวัยรุ่นชายและหญิงประมาณ 5 - 6 คน กำลังเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์ที่บริเวณตู้หยอดเหรียญ แต่ปรากฏว่า เด็กวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวเกิดความไม่พอใจ เพราะน้ำมันไม่ยอมออกมา เนื่องจากหยอดเงินไม่ครบตามจำนวนที่ต้องจ่ายค่าน้ำมัน จึงเตะและถีบไปที่ตู้น้ำมันหยอดเหรียญ ก่อนจะพากันขี่รถจักรยานยนต์ออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมข้อความระบุว่า
“ใครเจอเด็กกลุ่มนี้บอกด้วยมาเติมน้ำมันตู้หยอดเหรียญข้างร้านหยอดเงินไม่ถึง10บาทน้ำมันไม่ออกถีบตู้เอากระลอนน้ำมันฟาดตู้แจ้งความแล้วตำรวจตามตัวอยู่”
วันที่ 16 ม.ค. 62ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พบว่าเป็นร้านขายของชำ บริเวณด้านข้างมีตู้เติมน้ำมันหยอดเหรียญอยู่ 3 ตู้
โดย
นางวนัสพร เขียวคำ อายุ 48 ปี เจ้าของร้านค้า ผู้โพสต์คลิป เผยว่า ตู้เติมน้ำมันดังกล่าวเป็นของญาติที่เอามาฝากให้ดูแล โดยขณะเกิดเหตุ เป็นช่วงกลางดึก เวลาประมาณ 02.00 น. ตนนอนอยู่ในบ้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย และมีเสียงการทำลายข้าวของ แต่ไม่กล้าออกมาดู เนื่องจากกลัวว่าจะได้รับอันตราย กระทั่งวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวขี่รถออกไป ต่อมา ตนมาตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็ปรากฏภาพอย่างที่เห็นในคลิป
ซึ่งภายในคลิปวิดีโอ มีเสียงจากวัยรุ่นหญิงในกลุ่มบอกว่าเติมสามบาท แต่ตู้เติมน้ำมันถูกตั้งค่าไว้ให้หยอดขั้นต่ำได้ 10 บาท ทำให้เครื่องไม่สามารถจ่ายน้ำมันได้ รวมถึงมีการคุยเล่นกันเสียงดัง จากนั้นวัยกลุ่มดังกล่าวจึงกระโดดถีบตู้เติมน้ำมัน และปาแกลลอนน้ำมันใส่ตู้เติมน้ำมัน กระเด็นกลับมาโดนหัววัยรุ่นหญิง จากนั้น ผ่านไปประมาณ 10 นาที ก็กลับมาเติมน้ำมันใหม่โดยหยอดเหรียญครบและเครื่องก็จ่ายน้ำมันให้
ส่วนความเสียหายของตู้เติมน้ำมัน พบว่ามีฝาเปิดปิดที่หยอดเหรียญ และเครื่องรับธนบัตรพังเสียหาย โดยเมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) เจ้าของตู้เติมน้ำมันหยอดเหรียญได้เปลี่ยนตู้ใหม่ โดยจุดเติมน้ำมันนี้อยู่ใกล้กับจุดชมปลาโลมา วังมัจฉานุ ซึ่งแหล่งท่องเที่ยว และเป็นสถานที่เปิด ตนจึงไม่ทราบว่าเด็กวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวนั้นเป็นใคร แต่ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นในละแวก
นางวนัสพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนไปแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรโคกขาม ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ และทราบว่าวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวมาจากย่านบางกอกใหญ่ คาดว่าอาจจะไปเที่ยวกัน และเกิดความคึกคะนอง โดยในบ่ายวันนี้ (16 ม.ค.) วัยรุ่นกลุ่มนี้จึงได้ติดต่อมาเพื่อขอโทษและรับผิดชอบค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น