จากกรณีเสี่ยถูกรางวัลที่ 1 ควงนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้องกองปราบฯ หลังถูกใส่ร้าย กลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย เชื่อว่าเป็นขบวนการเรียกเงินเยียวยา พร้อมนำหลักฐานยื่นนั้น
ล่าสุด วันที่ 3 ก.พ. 65 ทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ ม.9 ต.บ้านชบ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ บ้านของนายพลวัฒน์ วงธานี หรือ เเง็บ อายุ 29 ปี ผู้เสียชีวิต นางคิน วงธานี อายุ 62 ปี แม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ลูกชายของตนไม่เคยมีโรคประจำตัว สติสมประกอบ ไม่ได้ดื่มเหล้าจนเพี้ยนแต่ดื่มเหล้าปกติ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
ส่วนเรื่องที่ลูกชายถูกอ้างว่าถูกวัวชน รอยบาดแผลไม่ได้เกิดจากการทำร้ายร่างกายนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะวันที่มีการฆ่าวัว ซึ่งตนจำวันที่ไม่ได้ เเต่ตนเอง ลูกชาย ได้ไปที่บ้านของนายประสิทธิ์ ได้ห้ามลูกไว้ว่าอย่าไปยุ่งกับวัว เพราะใกล้จะช่วงปีใหม่เเล้ว ไม่อยากให้ลูกทำบาปใหญ่ เเละอีกอย่างทั้งดวงเเม่เเละลูกก็ไม่ดีด้วย ตนเองก็เพิ่งจะรถล้ม มีปัญหากับหัวเข่า ลูกชายก็เชื่อฟังไม่เข้าไปยุ่ง ไม่เข้าใกล้วัวเลย จนนายประสิทธิ์เรียกให้ลูกชายไปเอาหม้อ มาใส่เลือดวัวเท่านั้น
หลังจากนั้น ตนก็ซื้อเนื้อวัวมากิน เเละยังมีเหลืออยู่ จนวันที่ 20 ธ.ค.64 ลูกชายถูกทำร้าย ตนมาทราบวันที่ 21 ธ.ค.64 ลูกชายได้กินเนื้อวัว เเต่ก็รู้สึกอยากจะอ้วก ขมปาก เรื่องนี้ลูกชายได้พูดกับนายอุตะมา หรือ นายยัน ทำให้นายยัน เข้าใจผิดว่าลูกชายถูกวัวชน
ต่อมาตนได้ไป รพ.สังขละ ช่วงบ่ายเเละไปเจอกับลูกชายที่โรงพยาบาล ตอนเเรกตนยังเข้าใจว่าลูกชายกินเหล้ามาจนต้องเข้าโรงพยาบาล เเต่ลูกชายก็บอกว่าตัวเองถูกนายประสาทเตะ ก่อนจะถูกคนอื่นรุมทำร้ายและสลบไป ตอนที่ลูกชายเล่าก็สติครบถ้วน อีกทั้งยังบอกด้วยว่ากินเนื้อวัวไม่ได้ รู้สึกพะอืดพะอม เหมือนกับว่าภายในมีการบอบช้ำ
หลังจากนั้น ตนก็ได้จ้างนายจักรพล หรือ กี้ 300 บาทให้ไปเป็นเพื่อนลูกชายไปที่ รพ.สุรินทร์ เเละให้เงินลูกชายไว้อีก 200 บาท จากนั้นตนก็ไม่ได้เยี่ยมลูกอีก ทั้งนี้ นายประสาทนั้นตนเองก็รู้จัก เห็นเขากลับมาบ้านพี่สาวเมียประสาท เดือนหนึ่ง 1-2 ครั้ง ตนเองก็ไม่ทราบว่านายประสาทมีปัญหาอะไรกับลูกชายของตน เพราะเมื่อก่อนนายประสาทก็ยังเคยให้เงินลูกชายตนซื้อเหล้าอยู่เลย
โดยมีคลิป วันที่ 25 ธ.ค.64 น้องสาวคุยกับนายเเง็บ คนเจ็บที่ รพ.สุรินทร์ ความยาว 4.27 นาที เป็นภาษาถิ่นภาษาเขมร น้องสาวถามว่า "พี่สาทตีมึงเหรอ" นายเเง็บตอบว่า "พี่สาทตีก่อนกูก่อน กูก็สวนคืน" น้องสาวถามว่าทำไมต้องเดินไปตรงนั้น นายเเง็บบอก "ไอ้เอ็มมาเรียกกูไป พี่สาทให้เอ็มมาเรียกกูไปที่นู้น" หลังจากนั้นนายประสาทได้มีการถามเเง็บว่าได้คุยเเชตเฟซบุ๊กกับหลานสาวชื่อเเบ๋มหรือไม่ หลังจากนั้นนายประสาทก็ตีตนเองเลย น้องสาวจึงถามว่ามึงไม่ได้สู้เขาเหรอ นายเเง็บบอกว่า "สู้" ก่อนจะมีคนชื่อแสบที่เป็นญาติกับประสาท มารุมทำร้ายด้วย
นายอุตะมา วงสมัน หรือ ยัน อายุ 49 ปี พยานคนที่พาคนตายไปส่งโรงพยาบาล กล่าวว่า ตนจำวันที่ไม่ได้ เเต่น่าจะเป็นช่วงเช้าประมาณ 08.00-09.00 น. ของวันอังคารวันที่ 21 ธ.ค.64 ตนกลับมาจากงานศพญาติที่สิงขรภูมิ ก่อนจะมาเรียกนายเเง็บไปกินเหล้าตามปกติ เเต่นายเเง็บปฏิเสธ บอกว่ากินเหล้าไม่ได้ อ้วกเป็นเลือด ถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ยอมบอก
ตนจึงให้หลานมาดู หลานก็บอกว่านายเเง็บไม่ไหวเเล้ว ตนจึงไปเอารถยนต์มารับนายเเง็บไปส่ง รพ.สังขละ ก่อนจะไปเจอเเม่นายเเง็บอยู่ที่บ้ายนายสิทธิ์ ตนจึงบอก "น้าผมพาเเง็บไปโรงพยาบาลนะ มันไม่สบายมาก เป็นหนัก" หลังจากนั้นก็กลับบ้าน พอรุ่งเช้าอีกวัน ตนก็ไปเยี่ยมอีก ไม่คิดว่านายเเง็บจะตายแบบนี้
หลังจากนั้น นายเเง็บบอกกับตนว่าไปฆ่าวัวมาเเล้วถูกวัวชน มีรอยช้ำที่หน้าท้อง ก่อนที่นายเเง็บตีกับนายประสาท เพราะนายเเง็บเป็นคนบอกเอง ตัวเองได้ไปถามนายประสิทธิ์เเล้ว ปรากฏว่านายเเง็บไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าวัว
ด้านนายจักรพล ประเสริฐพงษ์ หรือ กี้ อายุ 35 ปี เพื่อนที่นั่งกินเหล้าด้วยกันกับผู้ตาย เปิดเผยว่า วันที่ 19 ธ.ค.64 ตนนั่งดื่มเหล้ากับนายเเง็บหน้าบ้าน ซึ่งตอนนั้นตนอยู่ในอาการเมา เเล้วนายเเง็บก็บอกว่าจะไปหาเหล้ามาเพิ่ม เเต่นายเเง็บหายไปนาน ตนไปหาที่ไหนก็ไม่เจอ จนมีคนมาบอกตนว่า ให้ไปตามนายเเง็บมาจากบ้านนายประสาท
หลังจากตนไปถึงก็เห็นว่านายเเง็บนอนสลบอยู่เเล้ว ตนกับนายเอ็มจึงได้ช่วยกันหิ้วปีกนายเเง็บกลับมาที่บ้าน พอเช้าวันที่ 20 ธ.ค.64 ตนกลับไปดูนายเเง็บอีกครั้ง นายเเง็บบอกกับตนว่าจุก มีอาการเจ็บท้อง ลักษณะเหมือนซี่โครงหัก เเละยังบอกให้ตนไปหาน้ำมาให้ดื่ม ปัสสาวะไม่ออก นายยันก็มาชวนนายเเง็บกินเหล้าเเต่ไม่ได้กิน เพราะเจ็บท้อง
จนวันที่ 21 ธ.ค.64 นายยันเเละตนพานายเเง็บไปโรงพยาบาล ระหว่างนั้นนายเเง็บก็บอกตนว่าตีกับคนชื่อสาทมา เเละไม่ได้พูดถึงเรื่องวัวเลย พอถึงโรงพยาบาลตนก็ไม่ได้บอกอาการของนายเเง็บกับหมอ เพราะหมอคุยกับนายเเง็บ คนเจ็บเป็นการส่วนตัว เพราะนายเเง็บยังมีสติครบอยู่
ด้านนายสิริชัย จันดาเพ็ง หรือ เณรเอ็ม อายุ 25 ปี บวชที่วัดโพธิชัยยาราม เปิดเผยว่า ตอนเช้าของวันที่ 19 ธ.ค.64 ตนเองกำลังจะไปดื่มเหล้าที่บ้านคนอื่น เเต่ใช้เส้นทางเดินผ่านหน้าบ้านของนายประสาท ก่อนจะถูกนายประสาทเรียกให้เข้าไปในบ้านนายประสาท ก่อนจะบอกให้ไปตามนายเเง็บ โดยที่นายประสาท ไม่ได้บอกว่าให้ตามมาเพราะเรื่องอะไร ซึ่งช่วงที่ตนเข้าไปในบ้านประสาท ก็เห็นว่ามีคนอื่น ๆ นั่งอยู่อีก 2-3 คน
หลังจากนั้น ตนก็เดินไปตามนายเเง็บ ที่นั่งดื่มเหล้ากับนายกี้อยู่หน้าบ้าน ให้มาที่บ้านนายประสาท ตนก็เดินตามไป พอไปถึงที่บ้านประสาท ตนก็เดินกลับไปนอนที่บ้านเลย ไม่ได้อยู่ดูว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหลังจากนั้น เเละไม่ได้ไปช่วยนายกี้ หามนายเเง็บออกมาจากบ้านนายประสาทด้วย
หลังจากนั้น ช่วงกลางคืนวันที่ 20 ธ.ค.64 ตนได้มีการดื่มเหล้ากับนายเเง็บ นายกี้ โดยนายเเง็บบอกกับตนว่าถูกคนตี ตนจึงถามอีกว่าใครเป็นคนทำร้าย เเต่นายเเง็บไม่ยอมบอก ซึ่งตนก็ไม่ได้เห็นรอยเเผล เพราะนายเเง็บเก็บอาการ เเละไม่ได้พูดถึงเรื่องวัวเลย ส่วนเช้าวันที่ 21 ธ.ค.64 ที่นายยันพานายเเง็บไปโรงพยาบาล ตนก็ไม่ได้ไปด้วย เพราะตนดื่มเหล้าอยู่บ้านคนอื่นอีก หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอนายเเง็บเเละไม่ได้ไปเยี่ยมอีกเลย จนกระทั่งนายเเง็บเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ม.ค.65 ตนก็ยังไปช่วยจัดงานศพอยู่ เเม่ของนายเเง็บก็ถามตนว่าจะบวชไหม ตนก็จะบวชให้ เพราะสนิทกันมานาน ไม่ได้บวชให้เพราะรู้สึกผิดที่เป็นคนไปตามให้นายเเง็บไปบ้านนายประสาทเเล้วถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งนี้ ตนก็กะจะบวชตลอดชีวิต
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ ต.บ้านชบ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ บ้านของผู้เสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อมาหาญาติของ นายพลวัฒน์ วงธานี หรือ เเง็บ อายุ 29 ปี ผู้เสียชีวิต เพื่อเเจ้งสิทธิที่จะได้รับการเยียวยา ถ้าหากว่าผู้ตายได้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตจริง ก็จะมีการดูเเลเยียวยา ทั้งนี้ ทางญาติสามารถทำเรื่องติดต่อไปยังพนักงานสอบสวนของคดีนี้ได้โดยตรง
พ.ต.อ.จุลฑะ จันทน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสังขละ จ.สุรินทร์ ที่ได้ลงพื้นที่มาพร้อมกัน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย โดยเบื้องต้นถ้าหากทางฝ่ายของผู้ต้องหา นายประสาท เเละฝ่ายของครอบครัวผู้เสียชีวิต นายพลวัฒน์ มีพยานหลักฐานใดเพิ่มเติม ก็สามารถนำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประกอบสำนวนได้ ยินดีจะพิสูจน์ทราบให้
ทั้งนี้ ขอให้ชาวบ้านทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ หรือพยานทุกคนให้มาให้ปากคำกับตำรวจ อย่าปั้นเเต่งพยาน ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ เนื่องได้มีการลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงตั้งเเต่ก่อนที่ผู้ตายจะเสียชีวิตเเล้ว เเต่เนื่องจากตอนนั้น ทางผู้ตายมีโรคประจำตัว ทำให้ไม่สามารถสรุปได้ว่า ผู้ตายเสียชีวิตเองหรือถูกทำให้เสียชีวิต เเต่ตอนนี้ได้สอบเเพทย์ผู้ชันสูตรศพ จนทราบสาเหตุที่เเท้จริงที่นายพลวัฒน์เสียชีวิตเเล้ว ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ สำนวนคืบหน้าไปได้ประมาณ 70-80% หลังจากนี้จะให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดสรุปสำนวนเพื่อปิดคดีให้ได้เร็วที่สุด
