จากกรณีม่ายสาวลูกสอง นางสาวภา (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ชาวบ้านหมู่ 8 บ้านขุหลุ ต.ขุหลุ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน สภ.ตระการพืชผล เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565
เนื่องจากถูกว่าที่เจ้าบ่าวรุ่นปู่ ทราบชื่อ นายทน (นามสมมติ) อายุ 79 ปี บ้านกุดชมภู ต.เกษม อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี หลอกว่าจะมาขอแต่งงาน แต่สุดท้ายก็ไม่มาแต่ง รอนานหลายเดือนยังเงียบ แถมฝ่ายชายยังโป๊ะแตก เพราะมีผู้หญิงอีกคนโผล่ออกมาแสดงตัวว่าเป็นภรรยาตัวจริง
ล่าสุด วันที่ 28 มกราคม 2565 เวลา 09.00 น. พนักงานสอบสวนได้มีการนัดทั้ง 2 ฝ่ายเข้ามาที่ สภ.ตระการพืชผล เพื่อทำการไกล่เกลี่ยหาข้อตกลงร่วมกัน นางสาวภา อายุ 34 ปี พร้อมคุณพ่อและเพื่อนบ้านรวมเกือบ 10 คนก็เดินทางมาตามนัด นางสาวภา เปิดใจเล่าว่า ตนเป็นม่ายสาวอยู่กับพ่อและพี่น้อง ครองสถานะโสดมากว่า 10 ปี หลังจากเลิกรากับสามีไป แม้จะมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ลูกไปอยู่ผู้กับญาติฝั่งอดีตสามีหมด จนกระทั่งได้มารู้จักกับนายทน เมื่อ 5 เดือนที่แล้ว ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 จากการแนะนำของเพื่อนบ้าน เพราะเห็นว่าตนโสดและปกติก็ชอบคนมีอายุอยู่แล้ว ไม่ชอบผู้ชายหนุ่ม ๆ ส่วนฝั่งของนายทนก็โสด ดูเป็นคนดี ไม่มีภาระ หน้าที่การงานก็ดี เป็นพ่อค้าไม้พะยูงส่งออก
ซึ่งช่วง 2 เดือนแรกที่รู้จักกันคือ กันยายน-ตุลาคม 2564 ก็มีการพูดคุยกันในเชิงคนรัก เพราะตนยอมรับว่าเจอนายทนครั้งแรกก็ถูกใจเลย แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกัน ด้านของนายทนก็หางานให้ตนทำด้วยการช่วยเกี่ยวหญ้าให้วัว ให้ค่าจ้างวันละ 200-500 บาท ไม่ได้เป็นการเปย์หนัก อีกทั้งช่วงเดือนกันยายน 2564 พ่อของตนก็ได้เอารถเก๋งไปจำนำไว้กับนายทนด้วย แลกกับเงิน 20,000 บาท
ทั้งนี้ นายทนก็มาหาตนที่บ้านทุกวัน ซื้อกับข้าวกับปลามาฝากตลอด พ่อและครอบครัวรับรู้ แถมยังโทรมาคุยไม่ขาดวันด้วย ตัวเองก็รู้สึกดี รู้สึกอบอุ่นกับสิ่งที่เขาทำมาก ๆ บวกกับตนก็ไม่เห็นว่านายทนจะมีผู้หญิงอื่นมาเกี่ยวพันนอกจากตน จึงตกหลุมรักในความดีของผู้ชายรุ่นปู่คนนี้ ต่อมาในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2564 ก็ตกลงเป็นแฟนกัน คบหากันในเชิงคู่รัก ทำให้นายทนเข้ามาที่บ้าน มาสัญญากับตนและพ่อพร้อมญาติว่าเดี๋ยววันพฤหัสบดีช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนจะมาสู่ขอ ทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือ และจะให้เงินค่าสินสอดอีก 50,000 บาท เพื่อให้ลูกสาวไปลงทุนค้าขาย นายทนตัดสินใจเช่าบ้านกลางทุ่ง ห่างจากตัวหมู่บ้านพอสมควรให้ตนอยู่ 1 หลัง จ่ายค่าเช่าให้เดือนละ 1,500 บาท เพื่อที่จะใช้เป็นรังรักของทั้งคู่ จะได้ไม่รบกวนคนที่บ้านด้วย หลังจากนั้นนายทนก็มาหาตนที่บ้านเช่าทุกวัน
แต่พอถึงวันวันพฤหัสบดีกลางเดือนพฤศจิกายน 2564 นายทนก็ไม่มาสู่ขอตน บอกว่าจะเลื่อนไปเป็นเดือนธันวาคม 2564 พอถึงเดือนธันวาคม 2564 ก็เลื่อนไปเป็นปีใหม่ พอถึงปีใหม่ก็เลื่อนไปเป็นมกราคม 2565 ทำให้ช่วงประมาณต้นเดือนมกราคม พ่อตนเดินทางไปที่บ้านของนายทนเพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งผู้หญิงที่บอกว่าเป็นเมียนายทน บอกว่าเรื่องมันจบไปแล้วนี่ จะมาเอาอะไรอีก แต่ในขณะเดียวกันนายทนก็ยอมรับกับพ่อว่าสิ่งที่เขาทำมันผิด เขามีเมียอยู่แล้วจริงๆ พร้อมกับถามพ่อว่าอยากได้สินไหมทดแทน พ่อตนก็เลยบอกไปว่าอยากได้รถที่จำนำไว้คืน นายทนก็เลยคืนให้โดยไม่เอาเงิน 20,000 บาทคืน
ส่วนตัวแล้วยอมรับว่ายังคงรักนายทนมาก แม้ว่าครอบครัวจะไม่พอใจและเขาจะมีเมียอยู่แล้วก็ตาม ทุกวันนี้ยังคิดอยู่เลยว่าเวลาที่เขากินข้าว ทำไมไม่คิดถึงตนบ้างว่าจะลำบาก ทุกข์ใจขนาดไหน จะมีอะไรกินไหม ดังนั้นถ้านายทนตัดสินใจเลิกกับผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นเมียแล้วมาอยู่กับตนในฐานะสามีภรรยา ตนก็ยินดีมาก เพราะอยากได้อยู่แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมามันอบอุ่นมาก คุยกับเขาคนเดียว ฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่ผู้ชายคนนี้ทั้งหมด
หรือถ้านายทนไม่ต้องการตน และเลือกอยู่กับอีกฝ่าย ตนก็ขอแค่เงินสินไหมทดแทนเท่าจำนวนที่คุยกันไว้คือ 50,000 บาท เพื่อให้ตนได้ไปลงทุนตั้งตัว แต่ถ้าจะให้อยู่กันแบบรักสามเส้าเราสามคน ตนไม่โอเค ไม่เหมาะสม
นางสาวเชื่อม (นามสมมติ) บอกว่า ตนรู้จักกับทั้ง 2 ฝ่ายมานานแล้ว ซึ่งนายทนเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านที่บ้านกุดชมภู ต.เกษม อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี และดูแล้วเป็นคนดี มีหน้าที่การงาน ไม่มีภาระอะไรที่ต้องรับผิดชอบ แถมยังโสดเพราะเมียเขาตายไปตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว และไม่รู้มาก่อนมานายทนมีเมียอีกคนอยู่แล้ว
ส่วนด้านของนางสาวภาตนก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงนิสัยดี เป็นม่ายสาวแต่ยังไม่เคยเห็นว่าจะมีสามีใหม่มาดูแล แถมยังชอบคนมีอายุด้วย จึงเห็นว่าทั้งคู่ดูเหมาะสมกัน น่าจะไปกันได้จึงแนะนำให้รู้จักกัน ทั้งคู่เริ่มรู้จักกัน พูดคุยไปมาหาสู่กันในเชิงคนรักแบบเปิดเผย ตนก็เห็นว่าตลอด 4 เดือนแรกทั้งคู่มีความสุขดี ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย อีกทั้งนางสาวภาก็ยังเคยมาปรึกษากับตนว่าอยากแต่งงานกับ นายทนจริง ๆ ส่วนเรื่องสินสอด 50,000 บาทนั้น ฝ่ายหญิงก็ไม่ได้เป็นคนเรียก แต่นายทนเป็นฝ่ายเสนอเอง เพื่อให้ลงทุนค้าขาย
เวลา 12.00 น. นายทนก็เดินทางมาถึงโรงพัก ทั้ง 2 ฝ่ายเผชิญหน้ากันก็ไม่ได้มีการปะทะอะไร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพาทั้งคู่เข้าไปไกล่เกลี่ยต่อหน้าพนักงานสอบสวน โดยนายทนยอมรับว่าที่ผ่านมา ตัวเองได้เลี้ยงดูนางสาวภาจริง จากนั้น ทางพนักงานสอบสวนเห็นว่าทั้งคู่ตกลงกันไม่ได้ จึงพาทั้งคู่เข้าไปไกล่เกลี่ยต่อหน้า พ.ต.ท.สมชัย ผาสุขนิตย์ รอง ผกก.(สอบสวน) หัวหน้างานสอบสวน สภ.ตระการพืชผล
เวลา 13.30 น. หลังไกล่เกลี่ยหาข้อตกลงร่วมกันลงตัว ทั้งคู่ก็ควงแขนกันพาออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ บอกว่าตอนแรกที่ตกลงกันไม่ได้ เพราะนางสาวภาอยากได้ค่าเลี้ยงดูเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท จากเดิมที่คุยกันไว้ 50,000 บาท แต่วันนี้ตนเตรียมเงินมาแค่ 8,000 บาท ก็เลยต้องมีการพูดคุยกันใหม่ สุดท้ายโดยก็มีข้อตกลงร่วมกันทั้งหมด 5 ข้อ พร้อมลงลายมือชื่อยืนยันชัดเจน
1.นางสาวภา เรียกร้องให้นายทนมอบค่าเลี้ยงดูเป็นค่าลงทุนทำมาหาเลี้ยงตัวเองให้เป็นเงิน 25,000 บาท
2.นายทนจะมอบค่าเลี้ยงดูเป็นค่าลงทุนทำมาหาเลี้ยงตัวเองให้นางสาวภา เป็นเงิน 15,000 บาท ในวันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 08.00 น. และจะมอบเงินให้อีกจำนวน 10,000 บาท ไม่เกินวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 08.00 น.
3.คู่กรณีตกลงกันได้
4.อนึ่งการตกลงได้ทำด้วยความสมัครใจของคู่กรณีเอง ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดบังคับขู่เข็ญ หรือหลอกลวงซึ่งกันและกันด้วยประการใด ๆ ทั้งสิ้น ได้อ่านให้ฟังแล้ว เข้าใจ รับว่าเป็นความจริง ถูกต้อง จึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน
5.และคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจเอาความกันทั้งทางคดีอาญาและทางแพ่งอีกต่อไป โดยในภายภาคหน้า นางสาวภาจะไม่ขอเรียกร้องค่าใด ๆ อีกต่อไป จึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน
นายทน บอกว่า ตลอดช่วงเกือบ 1 เดือนที่ขาดการติดต่อกับนางสาวภา ตนไม่ได้หนีไปไหน อยู่ในบ้าน แต่ด้านเมียอีกคนที่มาอยู่ด้วยเขาไม่ให้ออกไปเจอ ไม่ให้คุยกับนางสาวภา ซึ่งตนกับเมียคบหาไปมาหาสู่กันได้ประมาณ 3 ปีแล้ว เป็นสาว จ.สกลนคร อายุประมาณ 44 ปี แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้ผูกข้อไม้ข้อมือใด ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้อยู่กับตนที่บ้านตลอด ส่วนสาเหตุที่ทำให้ความแตกก็เพราะเมียที่เป็นสาวสกลนครสืบรู้จากชาวบ้านว่าตนไปเช่าบ้านและจะสู่ขอนางสาวภามาเป็นเมียอีกคน บวกกับนางสาวภาโทรหาบ่อย จึงเห็นว่าตนคุยโทรศัพท์บ่อย ก็เลยจึงไม่พอใจ บังคับให้ตนเลิกยุ่งกับนางสาวภา พร้อมกับไม่ให้คุยโทรศัพท์ด้วย
หลังจากนี้ นอกจากเงินค่าเลี้ยงดูที่ตนจะมอบให้ตามข้อตกลงแล้ว เรื่องของบ้านเช่าที่นางสาวภาอยู่ปัจจุบันก็อาจจะมีการเปลี่ยนไปเช่าที่อื่นให้อยู่ใกล้กับตลาดที่นางสาวภา จะนำเงินไปลงทุนค้าขายมากขึ้น แล้วหากค่าเช่าตรงนั้นอยู่ในงบประมาณ 1,500-2,000 บาท ตนก็จะจ่ายให้ทุกเดือน แต่ถ้ามากกว่านั้นนางสาวภาต้องออกส่วนต่างเอง
ถ้าถามว่ายังคงรักนางสาวภาไหม ยืนยันว่ายังรัก เพราะที่ผ่านมาก็เลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี ให้เงินและหางานให้ทำตลอด เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ถ้านางสาวภายังรักตน ตนก็รักตอบ แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรกันก็ตาม เนื่องจากตนอายุเยอะแล้ว แต่ก็คงไม่มีการสู่ขอหรือผูกข้อไม้ข้อมือกันเกิดขึ้น และเชื่อว่าเมียสาวสกลนครก็ไม่มีปัญหา เพราะเงินของตน และเขาก็ตามใจตน
นายแมน (นามสมมติ) พ่อของนางสาวภา บอกว่า ทุกอย่างปล่อยให้เป็นตามการตัดสินใจของลูกสาว ทั้งเรื่องเงินและความสัมพันธ์ แต่ถ้าถามถึงความต้องการลึก ๆ ก็ไม่อยากให้ลูกสาวไปมาหาสู่กับนายทนอีก เพราะแอบรู้สึกผิดหวัง ไม่พอใจที่เขาไม่ทำตามคำพูดในตอนแรก ไม่ยอมมาสู่ขอลูกสาว ไม่ยอมจ่ายเงินลงทุน จนทำให้มีเรื่องมีราวบานปลายแบบนี้
ยิ่งวินาทีที่ทราบข่าวว่านายทนมีเมียอีกคนอยู่แล้วก็ตกใจมาก แต่ไม่ได้รู้สึกโกรธเลย เพราะเข้าใจในความเป็นผู้ชายที่โสด เขามีสิทธิ์เลือกเป็นเรื่องธรรมดา อย่างตนเองหลังแยกทางกับภรรยา ปัจจุบันก็มีเล็กมีน้อยเกือบ 10 คน แต่ไม่เคยจริงจังหรือจะแต่งงานกับใคร ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นจุดหนึ่งที่ตนมองว่านายทนพลาดที่เอ่ยปากว่าจะมาสู่ขอลูกสาวตน คำพูดนั้นจึงกลายเป็นข้อผูกมัด
เพราะฉะนั้นหลังจากนี้สิ่งที่ตนอยากให้ทั้งคู่ทำคือเลิกยุ่งเลิกติดต่อกัน แล้วแยกย้ายกันไปหาคนใหม่ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังไปเกาะแกะแวะเวียนในเชิงชู้สาวอีกก็คงต้องให้กฎหมายจัดการโดยเด็ดขาด สุดท้ายตนก็อยากให้เหตุการณ์ของลูกสาวตนเป็นอุทาหรณ์กับสังคม เป็นผู้หญิงก็อย่าไปคารมของผู้ชายให้มาก หรือตกลงอะไรกันไว้ก็ทำให้ได้ และที่สำคัญการจะรักใครก็ต้องรักเดียวใจเดียว อย่าเจ้าชู้เหมือนนายทนและตนเอง
