เมียขี้วีนชวนผัวแทงหนุ่มลาวตาย ฉุนถูกเบียดดิ้นในผับ ฆ่าเสร็จยังวิ่งไล่ผู้ชาย (คลิป)

กรณีเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 24 พ.ย. 64 ร.ต.อ.ธราธร วาสนาจรัส รอง สว.(สอบสวน) สน.หนองค้างพลู รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธมีดแทงเสียชีวิต บริเวณซอยเพชรเกษม 112/1 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุเข้าซอยมาประมาณ 60 เมตร

บริเวณศาลพระภูมิ เป็นลานจอดรถเปิดเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง พบศพนายวิลาพน โพธิลาท อายุ 36 ปี ชาวลาว สภาพนอนตะแคงขวา สวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ นุ่งกางเกงยีนสีน้ำเงิน ไม่สวมรองเท้า มีเลือดไหลนองเต็มพื้น ตรวจสอบมีบาดแผลถูกแทงที่หลังด้านซ้าย ท้อง และหน้าอกซ้ายตัดขั้วหัวใจ นอกจากนี้มีนายสุริยะ แพ่นเกี่ยว อายุ 26 ปี ได้รับบาดเจ็บ ถูกแทงท้องซ้าย นำส่งรพ.ราชพิพัฒน์นั้น

สำหรับฝั่งผู้ก่อเหตุคือ 1.นายนัท 2.นางสาวน้ำ เป็นแฟนกับนายนัท, ผู้เสียหายมี 4 คน คือ 1.นายวิลาพน เสียชีวิต 2.นายสุริยะ บาดเจ็บ 3.นายเชียว 4.นางสาวรุ่งฟ้า

ภาพจากกล้องวงจรปิดมาจากร้านค้าแห่งหนึ่งที่อยู่ข้างร้านข้าวต้ม กล้องตัวที่ 1 ความยาว 02.33 น. เป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ จะเห็นกลุ่มผู้ชาย คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มผู้ตายและเพื่อนยืนอยู่ที่หน้าร้านข้าวต้ม วงจรปิดตัวที่ 2 ช่วงแรกจะเห็นกลุ่มผู้ตายและกลุ่มผู้ก่อเหตุ ยืนคุยกันที่หน้าร้านข้าวต้ม ต่อมาเวลา 01.09 ในคลิปเห็นรถเก๋งสีขาวของนางสาวดวงใจ ขับเข้ามา

โดยมีภาพที่แฟนผู้ก่อเหตุใช้ขวดฟาดที่โต๊ะจนแตก ก่อนเวลา 01.42 ในคลิปจะเห็นกลุ่มผู้ก่อเหตุ และกลุ่มคนเจ็บมีเรื่องชกต่อยกัน เวลา 01.50 น. ในคลิปนายนัทเห็นนางสาวน้ำแฟนสาวถูกทำร้ายและล้มไปนอนที่พื้น ทำให้นายนัทวิ่งเข้าไปหากลุ่มผู้ตายที่ทำร้ายนางสาวนัท เวลา 01.54 นายนัทได้ใช้มีดแทงกลุ่มผู้ตาย เวลา 02.03 นางสาวรุ้งฟ้า เพื่อนกลุ่มผู้ตาย เดินออกมาจากจุดเกิดเหตุ ขณะเดียวกันเวลา 02.04 ก็เห็นนายวิลาพน ผู้เสียชีวิต วิ่งออกมาจากจุดเกิดเกตุที่มีการชุลมุน แล้ววิ่งเข้าไปในซอย เวลา 02.15 นางสาวน้ำ แฟนนายนัท วิ่งถือมีดตามนางสาวรุ้งฟ้า สักพักหนึ่งนางสาวน้ำ ก็วิ่งเข้าไปในซอยที่นายวิลาพน ผู้เสียชีวิตเดินเข้าไป โดยนางสาวน้ำ วิ่งไปประมาณ 10 วินาที จากนั้นเวลา 02.36 น. ก็วิ่งออกมาจากซอย

กล้องวงจรปิด ตัวที่ 3 ความยาว 0.16 นาที เป็นกล้องตัวเดียวกันกับตอนเกิดเหตุ แต่เป็นคนละมุม ในต้นคลิปจะเห็นนางสาวรุ้งฟ้า ฝั่งคนตาย วิ่งหนีนางสาวน้ำ ที่ถือมีดไล่อยู่ จากนั้นก็มีนายเชียว แฟนของนางสาวรุ้งฟ้า เข้ามายกมือห้ามนางสาวน้ำ กล้องตัวที่ 4 ความยาว 0.10 นาที เป็นกล้องที่บันทึกเหตุการณ์เหมือนกล้องตัวที่ 3 คือตอนที่นางสาวน้ำกำลังถือมีดไล่นางสาวรุ้งฟ้า แล้วนายเชียวเข้ามาห้าม

วันที่ 24 พ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ จุดแรกเป็นบริเวณร้านข้าวต้ม เป็นจุดที่กลุ่มผู้เสียชีวิต และกลุ่มผู้ก่อเหตุ มาเจอกัน และมีปัญหาโต้เถียงกัน จุดที่ 2 เข้าไปในซอยเพชรเกษม 112/1 อีกประมาณ 60 เมตร คือจุดที่พบศพนายวิลาพน โพธิลาท นอนจมกองเชือดเสียชีวิต โดยระหว่างจุดเกิดเหตุจุดที่ 1 ไปหาจุดเกิดเหตุจุดที่ 2 ก็มีคราบเลือดของผู้เสียชีวิตหยดติดตามพื้นถนน และพบรองเท้าแตะสีดำของผู้เสียชีวิต 1 ข้าง หล่นอยู่ที่พื้นอีกด้วย

เวลา 09.00 น. ครอบครัวผู้เสียชีวิตเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ มีนางสาวเทพสมร โพธิลาท พี่สาวของผู้เสียชีวิต ได้นำธูปมาปักที่จุดพบศพ จากนั้นนางสาวเทพสมร เปิดเผยว่า ครอบครัวตัวเองย้ายมาอยู่ประเทศไทยได้หลายปีแล้ว ส่วนน้องชายตัวเองที่ผ่านมาเขาก็เป็นคนใจเย็น ไม่เคยมีเรื่องกับใคร คิดว่าผู้ก่อเหตุเขาทำเกินกว่าเหตุมาก

ส่วนกรณีที่ว่าก่อนเกิดเหตุ น้องชายตัวเองน้องชายตัวเองไปเที่ยวสถานบันเทิง แล้วเกิดอาการเมา กระทั่งเต้นไปโต๊ะของผู้ก่อเหตุนั้น ประเด็นนี้ ตัวเองก็ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน ส่วนเรื่องทางคดี ตัวเองก็ขอให้ผู้ก่อเหตุเขาถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

นางสาวดวงใจ (นามสมมติ) แฟนของนายสุริยะ ผู้บาดเจ็บ และเป็นบุคคลที่ขับรถเก๋งสีขาวเข้าไปในที่เกิดเหตุ เปิดใจว่า ขณะมาดูที่เกิดเหตุ พร้อมกับครอบครัวผู้เสียชีวิตเมื่อเช้านี้ตัวเองคิดว่าผู้ก่อเหตุเขาทำเกินกว่าเหตุ ถ้าหากมีเรื่องทะเลาะกัน แค่ต่อยกันตัวเองก็คิดว่าน่าจะพอแล้ว แต่ทำไมพวกเขาถึงเอามีดมาแทงกันขนาดนี้ โดยวันนี้ตัวเองก็ได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิด ก็เห็นว่านายนัท เป็นคนใช้มีดสั้นแทงนายวิลาพล ตัวเองรับไม่ได้เป็นอย่างมาก

ตัวเองขอยืนยันว่าผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน เพราะพวกเขาเป็นคนเงียบ ๆ เรียบร้อย ตัวเองอยากบอกผู้ก่อเหตุว่า ต้องมีสติให้มากกว่านี้ เพราะเราไม่ได้เกิดมาในยุคบางระจัน ที่จะหยิบมีดมาฟันใครก็ได้

ที่ สน.หนองค้างภู เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พาตัว น.ส.ธาราพร เอี่ยมสุวรรณ์ หรือ น้ำ อายุ 24 ปี แฟนของผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำที่ห้องสอบสวน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนางสาวน้ำ เจ้าตัวก็ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด

จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รองผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 ได้เดินทางมายัง สน.หนองค้างพลู เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหา โดยมีการสอบปากคำแยก มีการสอบปากคำนางสาวน้ำเป็นรายแรก ใช้เวลาประมาณ 45 นาที จากนั้นก็ได้มีการสอบปากคำนายนัทเป็นรายที่ 2 ใช้เวลา 30 นาที

หลังสอบปากคำเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พาตัวนายนัท ผู้ต้องหา ออกจากห้องประชุม ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายนัทถึงเรื่องเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อให้นายนัทชี้แจ้ง แต่นายนัทพูดสั้น ๆ ว่า "ขอให้การในชั้นศาลครับ"

เวลา 16.00 น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคุมตัวนายนัทไปหาอาวุธมีด ภายในซอยเพชรเกษม 114 ถัดจากซอยที่เกิดเหตุไปประมาณ 1 ซอย โดยนายนัดอ้างว่าหลังก่อเหตุได้ขับมอเตอร์ไซค์ผ่านจุดเกิดเหตุมาแล้วทำการทิ้งมีดไว้ที่ข้างถนน ตำรวจใช้เวลาในการหาอาวุธมีดประมาณ 20 นาที แต่ก็ไม่พบอาวุธมีด

หลังจากนายนัดไปชี้จุดที่ทิ้งอาวุธมีดเสร็จแล้วเจ้าที่ได้นำตัวนายนัดมาที่ สน.หนองค้างพลู ต่อ ซึ่งระหว่างที่นายนัดลงจากรถไปเข้าห้องสืบสวนนั้น เจ้าตัวก็ไม่ยอมตอบคำถามทีมข่าวแต่อย่างใด

ด้านนายวิสิฐ ศิลปเลิศลักษณ์ หัวหน้างานของนายนัท ผู้ก่อเหตุ เปิดใจว่า หลังเกิดเหตุ นายนัทได้โทรมาลางานกับตัวเอง บอกว่าเขาขอลางาน เขามาไม่ได้แล้ว เพราะไปก่อเหตุแทงคนมา ทีแรกตัวเองก็ไม่เชื่อว่านายนัทไปก่อเหตุ กระทั่งตัวเองได้เห็นในข่าว จากการสอบถามนายนัท ผู้ก่อเหตุ เขาเล่าให้ฟังก่อนจะติดต่อขอเข้ามอบตัวว่า กลุ่มผู้ตายและเขาได้มีปัญหากันมาตั้งแต่ในสถานบันเทิงข้างร้านข้าวต้มแล้ว เขาเลยชวนนางสาวนัท ออกมาจาสถานบันเทิง และมากินข้าวต้ม ที่ร้านข้าวต้มจุดเกิดเหตุ

พอนายนัทกินข้าวต้มกับนางสาวน้ำที่ร้านดังกล่าวได้สักพัก ทางกลุ่มผู้ตายก็ตามมาหาเรื่อง มาโวยวายใส่นายนัทและแฟนสาว กระทั่งกลุ่มผู้ตาย ได้เข้ามาทำร้ายนางสาวน้ำ จนนางสาวน้ำลงไปนอนที่พื้นถนน จากนั้นกลุ่มผู้ตาย ก็ได้เข้าไปบีบคอนางสาวน้ำ ทำให้นายนัททนเห็นภาพไม่ไหว จึงวิ่งเข้าไปใช้มีดพับที่พกติดตัว เข้าไปแทงด้านหลังผู้ตาย จังหวะนั้นนางสาวน้ำก็ลุกไปเปิดประตูรถและหยิบมีดอีกเล่ม มาวิ่งตามฝั่งผู้นาย

สำหรับมีดที่นายนัทใช้ก่อเหตุเป็นมีดพับที่เขาพกติดตัว เนื่องจากเขาทำงานส่งของ จะพกมีดไว้แกะกล่องวัสดุ ส่วนอาวุธมีดที่นางสาวน้ำเปิดเอาในรถนั้น ก็เป็นรถของพ่อนางสาวน้ำ ที่พ่อของนางสาวน้ำ เขาจะเอามีดไว้ในรถอยู่แล้ว สำหรับนายนัทและกลุ่มผู้ตาย ก็ไม่รู้จักกันมาก่อน และไม่เคยมีเรื่องด้วยกัน เท่าที่ตัวเองรู้จักนายนัทเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด ตัวเองคิดว่าแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ เขาน่าจะทำเพราะป้องกันตัว เพราะถ้าเป็นตัวเองตัวเองก็จะทำแบบนี้ เนื่องจากฝั่งผู้ตายมาตีผู้หญิงก่อน มาบีบคอนางสาวน้ำก่อน ไม่มีใครที่จะทนได้ ในส่วนของการประกันตัวนายนัทและนางสาวน้ำนั้น ตัวเองก็ยืนยันว่าจะช่วยเต็มที่เท่าที่ช่วยได้ โดยหลังจากที่นายนัดเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ตัวเองฟังแล้ว ตัวเองก็ได้ไปรับเขาแล้วพาเขาเดินทางมามอบตัวที่โรงพัก

นางสาวส้มโอ (นามสมมติ) เพื่อนของนางสาวน้ำและนายนัท บอกว่า สำหรับเหตุที่เกิดขึ้น นางสาวน้ำและนายนัท เขามีเรื่องกันกับกลุ่มผู้ตายมาตั้งแต่ร้านเหล้า แต่ทั้งสองฝ่ายได้เคลียร์กัน ขอโทษกันลงตัวแล้ว กระทั่งนางสาวน้ำและนายนัท ได้มาทานข้าวต้ม ที่ร้านข้างร้านเหล้า ทางกลุ้มผู้ตายก็ตามมาโวยวายหาเรื่องนายนัทและนางสาวน้ำ ทำให้นายนัทและนางสาวน้ำไปเคลียร์กับกลุ่มผู้ตายที่หน้าร้านอีกครั้ง จนทั้งสองฝ่ายมีเรื่องชกต่อยกัน และทำร้ายร่างกายกันตามในคลิป

ด้านนายนงค์ ศรีเผ่าพันธ์ พ่อของนายนัท ผู้ก่อเหตุ เปิดใจว่า หลังจากเกิดเหตุตัวเองเจอหน้าลูกชายตอนที่ลูกชายมามอบตัวที่โรงพัก ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองคิดว่าทั้งสองฝ่าย น่าจะต่างฝ่ายต่างเมา แล้วมีเรื่องทะเลาะกัน ทั้งนี้ตัวเองได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดในคลิป ก็เห็นฝั่งผู้ตายเขามาต่อยลูกชายตัวเองก่อน ลูกชายตัวเองจึงป้องกันตัว เพราะพวกฝั่งผู้ก่อเหตุ เขาทั้งทำร้ายลูกชาย และรุมทำร้ายนางสาวน้ำ แฟนของลูกชายอีกด้วย ที่ผ่านมานายนัท ลูกชายตัวเองไม่เคยมีเรื่องกับใคร ส่วนเรื่องการประกันตัวลูกชายนั้น ตัวเองคิดว่าทางครอบครัวคงไม่มีเงินประกันตัวลูกชาย คงให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เรื่องที่ว่าใครผิดใครถูก ก็ว่ากันไปตามหลักฐาน

เวลา 18.00 น. นายเชียว หนึ่งในกลุ่มผู้ตาย เดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเปิดใจว่า ก่อนจะเกิดเกตุพวกตัวเอง 4 คนไปดื่มเหล้าที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ติดกับร้านข้าวต้มที่เกิดเหตุ ต่อมานายวิลาพน ผู้เสียชีวิต เขาได้เมาเหล้าแล้วอาจเต้นไปเบียดโต๊ะของนางสาวน้ำ แฟนของคนก่อเหตุ ทำให้หลังจากค้านเหล้าปิดประมาณ 3 ทุ่ม ตัวเองจึงมีการเดินไปขอโทษนายนัทและนางสาวน้ำ ว่า "ขอโทษพี่ เพื่อนผมเมา" พร้อมกับยกมือไหว้

จากนั้น กลุ่มของตัวเองและกลุ่มของผู้ก่อเหตุ ก็ต่างคนต่างไปทานข้าวที่ร้านข้าวต้ม แรก ๆ ก็นั่งกินกันปกติ กระทั่งนางสาวดวงใจ (นามสมมติ) แฟนสาวของนายสุรินะ ผู้บาดเจ็บ ได้ขับรถเก๋งสีขาวมาเรียกพวกตัวเองกลับบ้าน จังหวะนั้นจึงทำให้ฝั่งของผู้ก่อเหตุไม่พอใจ คิดว่าไปด่าเขาหรือเปล่า เขาจึงเอามีดออกมารอบแรก เพื่อจะฟันรถของนางสาวดวงใจ แต่นางสาวดวงใจไม่ได้ลงจากรถ ตัวเองก็ได้เข้าไปขอโทษกับฝั่งผู้ก่อเหตุอีก ระหว่างนั้นจึงเกิดเหตุชุลมุน แล้วก็เกิดเหตุการณ์ตามกล้องวงจรปิด ยอมรับว่าตัวเองตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับฝั่งผู้ก่อเหตุมาก่อน

สำหรับความคืบหน้าทางคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา นายนัท และนางสาวน้ำ ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และพกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะ