กรณีคลิปคู่หูหนุ่มสาวร่วมเพศโจ่งครึ่มใต้ต้นยางนา บริเวณริมฟุตพาทถนนสายวัฒนธรรม เส้นเชียงใหม่-ลำพูน จนชาวบ้านเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นอาเพศ จนเกิดพายุลมฝนให้ต้นยางนาอายุ 100 กว่าปีโค่นล้มนับ 10 ต้น ทับบ้านเรือนระเนระนาด หรือตามภาษาชาวบ้านภาคเหนือเรียกว่า “ขึดบ้านขึดเมือง” เป็นอาถรรพ์ เสนียด จัญไร อัปมงคล
กระทั่งวันที่ 4 ต.ค.64 พลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนติดตามหาตัวหนุ่มสาวในคลิปวิดีโอดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ในความผิดฐานร่วมกันกระทำการอันควรขายหน้าต่อธาระกำนันโดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกายหรือกระทำการลามกอย่างอื่นและความเห็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 นำโดยพลตำรวจตรี วรพงษ์ คำลือ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 สืบสวนและติดตามจับกุมชายหญิงทั้ง 2 คนได้แล้ว ทราบชื่อต่อมา นายสัชฌุกร อายุ 35 ปี ชาวจ.น่าน และน.ส.พิชชาภัทร์ อายุ 37 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งถูกจับได้ที่บ้านพักใน จ.พะเยา ระหว่างที่กำลังจะเดินทางไปยัง จ.น่าน
โดยทั้งคู่ให้การยอมรับสารภาพว่า เป็นบุคคลในคลิปวีดีโอดังกล่าวจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว เพื่อเก็บหลักฐานเกี่ยวกับการผลิตคลิปวิดีโอและอื่น ๆ ไว้ พร้อมทั้งควบคุมตัวมาตรวจค้นเก็บหลักฐานต่อที่บ้านพักใน จ.เชียงใหม่ อีกด้วย
ล่าสุดวันที่ 5 ต.ค.64 เวลา 09.45 น. พลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ณ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ชั้น 2 อาคารตำรวจภูธรภาค 5 เนื่องจากประเด็นที่เกิดขึ้นอยู่ในความสนใจของสังคม
โดยของกลางที่สามารถอายัดไว้ได้ทั้งหมด 7 รายการ ดังต่อไปนี้
1.ชุดคอสเพลย์ จำนวน 20 ชุด อาทิ ชุดพยาบาล พนักงานธนาคาร พนักงานบัญชี ชุดชั้นใน เสื้อยืด กระโปรง เป็นต้น
2.สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 15 บัญชี
3.บัตรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 2 ใบ
4.ฮาร์ดดิสก์แบบพกพา จำนวน 2 เครื่อง
5.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
6.ซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 1 อัน
7.คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 1 เครื่อง
ทั้งนี้ จากแผนผังกระบวนการผลิตสื่อลามกอนาจารและเผยแพร่ของผู้ต้องหา พบว่านายสัชฌุกรและน.ส.พิชชาภัทร์ เป็นนักแสดงหลัก ทั้ง 2 คนถ่ายทำคลิปวิดีโอนอกสถานที่ ในลักษณะตั้งกล้องถ่าย หรือบางคลิปจะมีบุคคลที่ 3 คอยถ่ายให้ แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึงสื่อโซเชียลมีเดียบัญชี Twitter รวมแล้วประมาณ 70 คลิปวิดีโอ โดยทั้งคู่เป็นผู้ดูแลเว็บไซต์และโซเชียลฯ ดังกล่าวทั้งหมด
จากนั้นผู้ที่สนใจจะสมัครเข้ามาดูคลิปในราคา 503 บาท/เดือน และเบื้องต้นจากที่ทีมข่าวได้อัปเดตเมื่อวันที่ 3 ต.ต.64 พบว่ามีบัญชีที่สมัครเข้าไปชมและกดไลค์ถึง 431 ครั้ง หมายความถ้ามี 431 บัญชี จะมีรายได้ต่อเดือนเกือบ 220,000 บาทเลยทีเดียว แต่เบื้องต้นชื่อเจ้าของบัญชีทั้ง 15 บัญชี ไม่ได้มีแค่ชื่อของทั้ง 2 คน ตำรวจจึงต้องสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป โดยจุดสังเกตที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้สืบหาตัวคือรองเท้าที่น.ส.พิชชาภัทร์ สวมใส่ตอนถ่ายคลิปใต้ต้นยาง ซึ่งตรงกับอีกหลาย ๆ คลิปในทวิตเตอร์ รวมถึงท่ายืนทิ้งสะโพก และใบหน้าที่คล้ายคลึง
พลตำรวจโทปิยะ กล่าวว่า จากผลการสอบสวนนายสัชฌุกร ให้การรับสารภาพว่า มีความเชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ และเป็นสามีของน.ส.พิชชาภัทร์ ส่วนน.ส.พิชชาภัทร์ ก็ยอมรับว่าเป็นหญิงไทยในคลิปวิดีโอที่มีเพศสัมพันธ์ใต้ต้นยางนา อีกทั้งยังพบเส้นทางการเงินที่ได้จากการรับสมัครให้เข้าชมคลิปวิดีโอมากกว่า 70 คลิป เริ่มทำมาตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงครั้งล่าสุดช่วงต้นเดือนต.ต.64
ส่วนคลิปที่มีเพศสัมพันธ์กันใต้ต้นยางนานั้น เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 64 และจากคลิปวิดีโอดังกล่าวทำให้ภาพลักษณ์ของจ.เชียงใหม่เสื่อมเสีย ประชาชนชาวเชียงใหม่ไม่พอใจกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และหวั่นจะมีผลกระทบต่อวัฒนธรรมประเพณีของชาวล้านนา เนื่องจากเท่าที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ได้กระทำพฤติกรรมลักษณะเดียวกัน 2 แห่ง ในพื้นที่ อ.สารภี และ อ.แม่ออน อีกทั้งกลุ่มผู้ต้องหายังได้รับผลประโยชน์จากการกระทำความผิดดังกล่าว จึงเห็นควรดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสืบทราบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 1-2 คน ซึ่งคอยอำนวยความสะดวกในการถ่ายทำแต่ละครั้งด้วย ดังนั้นจึงต้องมีการขยายผลต่อไปว่า คนที่เหลือเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในส่วนไหน เพื่อจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายตามฐานความผิดไป
ในส่วนของฐานความผิดที่ทั้ง 2 คนจะได้รับโทษมีทั้งหมด 3 ข้อหา ดังต่อไปนี้
1.มาตรา 388 ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
2.มาตรา 287 ผู้ใด (1) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.มาตรา 14 (4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
ทั้งนี้จะมีการเรียกตัวผู้เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้อำนวยความสะดวก เจ้าของบัญชีเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน และหากพบความผิดก็จะดำเนินคดีต่อไป ในขณะเดียวกันจะประสานขอความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปิดกั้นเครือข่ายเหล่านี้ เนื่องจากถือว่าเป็นการกระทำผิดศีลธรรมอันดีของประเทศไทย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปสืบสวนสอบสวนต่อยัง สภ.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ พื้นที่เกิดเหตุนั้น สื่อมวลชนก็พยายามถามทั้งคู่เกี่ยวกับเจตนารมณ์ทั้งหมดของการทำคลิปวิดีโอเพื่อเผยแพร่
โดยนายสัชฌุกร สินรุ่งเรือง อ้างว่า ส่วนตัวอยากขอโทษชาวจ.เชียงใหม่ ที่ทำให้ไม่สบายใจ และที่ทำลงไปเพราะเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะทำกันในห้องแค่ 2 คน ขณะที่น.ส.พิชชาภัทร์ ปินตาเสน เลือกที่จะไม่ตอบอะไร ก่อนที่จะขึ้นรถเจ้าหน้าที่ไป ทั้งนี้เนื่องจากทั้งคู่สวมหมวก ใส่เสื้อคลุม สวมแว่นตาปกปิดใบหน้า ทำให้ไม่สามารถรู้เลยว่าสีหน้าแววตาเป็นอย่างไร
เมื่อทีมข่าวเดินทางตามมายัง สภ.สารภี ซึ่งเป็นพื้นที่ในจุดเกิดเหตุตามปรากฎในคลิปดัง ก็ทราบว่าทั้งคู่อยู่ระหว่างให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อขยายผลทางคดีกับเจ้าหน้าที่สอบสวนในห้องสอบสวน
นายสมพร สุวรรณคำ อายุ 88 ปี ผู้เฒ่าผู้แก่ในพื้นที่ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 100 กว่าปี ที่มีต้นยางนามานั้น ไม่เคยมีใครแสดงพฤติกรรมแบบนี้ และสร้างความเสื่อมเสียเช่นนี้ อับอายไปทั้งจ.เชียงใหม่ และเผยแพร่ไปทั่วโลก ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวทั้งคู่มาดำเนินคดีได้ก็ถือว่าดีมาก
ทั้งนี้ ตนอยากขอบคุณตำรวจที่ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้คนรุ่นหลังเลียนแบบพฤติกรรมลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่ไปทำกันในสถานที่ที่เปิดให้บริการ มาทำข้างทางโจงแจ้งแบบนี้ทำไม แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวในฐานะผู้เฒ่าผู้แก่ในพื้นที่ ก็ยังคงไม่ให้อภัย เพราะตนมองว่าหากให้อภัยจะไม่รู้จักเข็ดหลาบ พ้นโทษออกมาเกรงว่าจะทำซ้ำอีก และอยากบอกทั้งคู่ว่า ต่อไปนี้ให้ปรับตัวเป็นคนดีของสังคม อายุเพียง 30 กว่าปี ยังสามารถทำอะไรได้อีกมาก
นายคณิตศักดิ์ พิสิฐกุลวรโชติ อายุ 56 ปี ผู้ดูแลศาลหลักเมืองเชียงใหม่ – ลำพูน กล่าวว่า ตนดีใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ สามารถตามจับตัวผู้กระทำความผิดได้แล้ว เพราะพฤติกรรมถือว่าสมควรได้รับโทษตามกฎหมาย นอกจากสร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงของชาวเชียงใหม่แล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือจิตใจของชาวจ.เชียงใหม่ ต่างพากันหดหู่และเศร้าใจ
เพราะฉะนั้นเมื่อทั้งคู่ยอมรับผิด และเอ่ยปากขอโทษชาวจ.เชียงใหม่แล้ว ตนในฐานะชาวบ้านคนหนึ่งก็สามารถให้อภัยได้ เมื่อรู้ว่าคลิปดังกล่าวถูกถ่ายไว้ช่วงต้นปี 64 ห่างจากเหตุการณ์พายุฝน ประมาณ 8-9 เดือน ตนก็เริ่มมองว่าสาเหตุสำคัญน่าจะมาจากภัยธรรมชาติ แทนเรื่องอาเพศ
แต่อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะเตือนว่าอย่าทำแบบนี้ และอยากให้เลิก เพราะการที่คุณทำแบบนี้มาตั้งแต่ปี 63 สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นผลดี โดยเฉพาะทำเพื่อหารายได้ ก็ยิ่งเสื่อมเสียไปยังวงตระกูล นอกจากนี้ ยังรวมถึงกลุ่มเยาวชนที่คิดจะทำพฤติกรรมเลียนแบบ อยากให้หยุดความคิด แล้วหันไปทำอาชีพอื่น ทำในสิ่งที่ดี ๆ
เบื้องต้น ทีมข่าวได้ตรวจเช็กข้อมูลไปกับ พ.ต.ท.นพดล พิมานศรีวิไล รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สารภี เพื่อยืนยันว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้รับการประกันตัวจริงหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าได้รับการประกันตัวจริง ในช่วงบ่ายของวันนี้ (5 ต.ค.64) ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ยังไม่สามารถตอบได้
