
จากกรณีเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 65 กลุ่มผู้เสียหายเดินทางไปยังศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. เข้าพบ ร.ต.อ.ธนกฤต สิงห์ฉลาด รอง สว.(สอบสวน) กก.5 บก.ป.

เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับผิดชอบที่ไม่ยอมคืนพระเครื่องจำนวนมาก ที่บรรดาผู้เสียหายซึ่งเป็นญาติโยมและลูกศิษย์ของพระครูเกษม (เขมคุณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งน้อย จ.นครปฐม และเจ้าคณะตำบลศรีมหาโพธิ์ หลังจากท่านมรณภาพไปเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา ซึ่งในอดีตผู้เสียหายได้นำพระเครื่องชื่อดังหลายองค์รวมมูลค่าแล้วหลายล้านบาท ไปฝากไว้กับพระครูเกษมเพื่อนำไปบอกบุญให้คนเช่าบูชา หลังจากนั้นจะนำรายได้มาแบ่งส่วนหนึ่งมาบูรณะวัด ที่เหลือให้คืนเจ้าของพระเครื่องเหล่านี้กลับไป แต่ยังไม่ได้มีการปล่อยพระเครื่อง และยังไม่ได้พระเครื่องคืนนั้น

ล่าสุด วันที่ 2 พ.ค. 65 กลุ่มผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความเจ้าอาวาสรูปใหม่ "พระประเชิญ ปุญญปารคู" แก่ตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ เนื่องจากมีพฤติกรรมยักยอกวัตถุมงคลที่ฝากอดีตเจ้าอาวาสให้ปล่อยเช่า มูลค่าร่วม 20 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมามีการทวงถามหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ยอมคืน ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน

ต่อมาในเวลา 18.20 น. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังวัดทุ่งน้อย และพบกับเจ้าอาวาส ที่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง พยายามจะเดินเข้าไปถามถึงกรณีที่ถูกแจ้งความ แต่เจ้าตัวปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ เดินหนีและไปขึ้นรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่ขับมารับ จากนั้นก็กลับเข้ากุฏิไป ส่วนชาวบ้านที่นั่งอยู่ด้วยก็ปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เช่นกัน


นายเข้ม (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ซึ่งมีพระเครื่องที่ฝากไว้กับอดีตเจ้าอาวาส 10 กว่าองค์ รวมมูลค่าหลายล้านบาท อาทิ หลวงปู่ทวด อาปาเช่ มูลค่าประมาณ 150,000-180,000 บาท, สมเด็จบางขุนพรหม อกครุฑ เศียรบาตร มูลค่าประมาณ 400,000 บาท, พระสมเด็จวัดพลับ พิมวันทา มูลค่าประมาณ 250,000 บาท, พระสมเด็จวัดระฆัง ทรงเจดีย์ มูลค่าประมาณ 1,500,000 บาท, พระผงสุพรรณ มูลค่าประมาณ 1,200,000 บาท

นายเข้ม บอกว่าก่อนที่อดีตเจ้าอาวาสจะมรณภาพ ตนเข้ามาพบและเยี่ยมท่านบ่อยมาก เชื่อว่าทางเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันก็รู้เห็นเป็นอย่างดี และรู้ว่าพระเครื่องของตนอยู่ในกุฏิของอดีตเจ้าอาวาสจริง แต่ไม่สามารถเอาออกมาให้คืนได้ แล้ววันนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ตนเข้ามาทวงถามพระเครื่องจากเจ้าอาวาส เนื่องจากครั้งแรกที่มาเมื่อ 2-3 วันก่อน ทางเจ้าอาวาสบอกว่าอีก 2-3 วันค่อยมา แต่พอตนมาวันนี้ เจ้าอาวาสกลับบอกว่าให้ไปแจ้งความ แล้วเอาหลักฐานมายืนยัน และรอให้คณะกรรมการวัดมาเปิดกุฏิเจ้าอาวาส บวกกับเหตุผลหนึ่งที่ยังไม่สามารถเอาออกมาคืนได้เพราะเกรงว่าจะมีคนอื่นมาแอบอ้างเป็นเจ้าของพระเครื่องด้วย

ซึ่งตนก็ตั้งใจไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะไปแจ้งความที่โรงพัก พร้อมกับเอาหลักฐานต่าง ๆ ที่มีอยู่มอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งหลักฐานการเบิกเงินไปซื้อพระเครื่องแต่ละองค์ หรือไลน์ที่คุยไว้กับอดีตเจ้าอาวาสที่ตนจะไปกู้กลับมา แต่ตนไม่สะดวกที่ให้นำไปออกสื่อฯ เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าอย่างไรก็จะได้ของกลับคืนมา

แต่ถ้าถามว่าเหตุผลอะไร เจ้าอาวาสรูปใหม่ถึงดูอิดออดและไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อฯ เจ้าตัวยอมรับว่าไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะเจ้าอาวาสเอาแต่อ้างว่ารอคณะกรรมการวัดและรอเวลา ซึ่งตนก็ไม่อยากพูดอะไรมาก หลังจากนี้ ก็คงปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมายและข้อเท็จจริง ถ้าเจ้าอาวาสมีเจตนาดีก็แล้วไป แต่ถ้าเมื่อไรที่รู้ว่ามีเจตนาไม่ดีก็ต้องว่ากันอีกที ตนก็พร้อมจะสู้บนความจริงอยู่แล้ว
Advertisement